ครั้งหนึ่งซาวาระเคยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แม้แต่ในบทกวีเก่าแก่ที่มีอารมณ์ขันยังกล่าวว่า “มาดูเมืองซาวาระหากคุณต้องการเห็นเอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) แต่เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเอโดะเสียอีก” ซาวาระเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “ลิตเติ้ลเอโดะในเขตโฮะคุโซ”และยังคงหลงเหลือร่องรอยความเป็นย่านการค้าเก่าแก่ให้เห็นอยู่ตลอดความยาว 500 เมตรของแม่น้ำโอะโนะ ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโทะเนะ ยังคงมีบ้านเรือนของพ่อค้ามากมายที่เจริญรุ่งเรืองในการขนส่งทางน้ำที่เชื่อมโยงกับเอโดะ พ่อค้าเหล่านั้นยังอาศัยอยู่ตามข้างทาง ตลอดความยาว 400 เมตร ของทางหลวงคาโทริ ซึ่งทอดยาวตัดกับแม่น้ำโอะโนะ กลุ่มอาคารดังกล่าวยังรวมถึงบ้านที่อิโน ทะดะทะกะ (1745-1818) เคยอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1793 และรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นโบราณสถาน เช่นเดียวกับทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอีก 8 แห่งในจังหวัดชิบะ ซึ่งประกอบด้วยอาคาร 13 หลัง ในปี 1996 รัฐบาลได้เลือกให้ซาวาระเป็นเขตอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาคารแบบดั้งเดิมแห่งแรกในภูมิภาคคันโต

ลักษณะเฉพาะของเขตอนุรักษ์อาคารแบบดั้งเดิมที่สำคัญในซาวาระคือ ภูมิทัศน์ของเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาตั้งแต่ปลายยุคเอโดะ (1603-1867) จนถึงต้นยุคโชวะ (1926-1989) ยิ่งไปกว่านั้นอาคารเก่าแก่มากมายที่เหลืออยู่นั้นยังเป็นธุรกิจที่สืบทอดมาตั้งแต่ครอบครัวในยุคเอโดะ ด้วยลักษณะพิเศษเช่นนี้ ย่านนี้ถึงถูกชื่นชมเป็นอย่างมากว่าเป็น “ทิวทัศน์ที่ยังมีชีวิตอยู่” (ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวให้ชมเท่านั้น แต่ยังเป็นอาคารที่เจ้าของจริงยังสืบทอดกิจการอยู่และยังค้าขายจริงอีกด้วย)

กลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่ชื่อ “กลุ่มผู้คำนึงถึงย่านแม่น้ำโอะโนะและย่านเมืองเก่าซาวาระ” ผู้พิจารณาเกี่ยวกับภูมิทัศน์ของแม่น้ำโอะโนะและซาวาระ"" ได้อุทิศตัวให้กับการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ในเขตประวัติศาสตร์ซาวาระ กลุ่มดังกล่าวได้ติดตั้งป้ายแสดงรายละเอียดไว้ตามอาคารทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สถานที่ต่างๆ เช่น คลังสินค้าแบบดั้งเดิมที่พ่อค้าใช้งานไปจนถึงโครงสร้างอิฐสไตล์ตะวันตก เพื่อช่วยให้ผู้ที่เข้ามาเที่ยวชมซาวาระเพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์ของตัวเมืองที่สวยงาม

ตอนนี้มีบริการล่องเรือที่แม่น้ำโอะโนะไว้คอยบริการด้วย ผู้โดยสารสามารถมองขึ้นไปยังภูมิทัศน์ที่สวยงามของพื้นที่ริมแม่น้ำซึ่งอยู่เบื้องหลังแนวต้นหลิวที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำจากเรือได้

สะพานโทะโยะฮะชิเป็นสะพานขนาดเล็กที่ข้ามแม่น้ำโอะโนะซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้านของอิโน ทะดะทะกะ (1745-1818) สะพานโทะโยะฮะชิเคยถูกใช้เป็นช่องทางชลประทานเพื่อจัดส่งน้ำผ่านท่อภายในสะพาน ซึ่งใช้เพื่อส่งน้ำจากพื้นที่ที่สูงกว่าไปยังนาข้าวที่อยู่ด้านล่าง และในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานี JR ซาวาระ เมื่อมีความต้องการใช้น้ำในระหว่างฤดูเพาะปลูกข้าว สะพานโทะโยะฮะชิก็จะจัดส่งน้ำไปยังนาข้าวโดยการปิดพื้นที่ส่วนกลางด้านล่างและด้านข้างทั้งสองฝั่งด้วยแผงกั้น หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำ สะพานจะระบายน้ำออกไปที่แม่น้ำโอะโนะโดยการถอดแผงกั้นออก เมื่อน้ำตกลงไปในแม่น้ำทำให้เกิดเสียงดัง “ซ่าซ่า” สะพานนี้จึงได้รับฉายาว่า “สะพานจาจา” (เสียงซ่าซ่าแบบภาษาญี่ปุ่น) สะพานนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการปรับรูปแบบสะพานโทะโยะฮะชิมาก่อนหน้านี้แล้ว สะพานนี้ก็ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่โดยลอกเลียนลักษณะเดิมของมัน ทุกวันนี้สะพานโทะโยะฮะชิเป็นที่รักของคนท้องถิ่นและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนจำนวนมาก
<

ในช่วงยุคเอโดะ (1603-1867) สินค้ามากมายเช่น ข้าว, ถูกรวบรวมจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นมาไว้ที่ซาวาระ เริ่มต้นที่โทโฮคุ (ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น) โดยการผลิตสาเก มิโซะ และซอสถั่วเหลือง และจัดส่งสินค้าจากกระบวนการดังกล่าวผ่านทางน้ำไปยังเอโดะ พื้นที่ในการบริโภคหลักที่ทันสมัย ซาวาระได้รับสมญานามว่า “เอโดะมาซาริ” (เจริญยิ่งกว่าเอโดะ) ความรุ่งเรืองของซาวาระยังคงโดดเด่นอยู่ในจังหวัดชิบะ จนกระทั่งผู้คนจำนวนมากหันไปใช้รถไฟและเรือขนาดใหญ่ในการขนส่งสินค้า ในปี 1880 ธนาคารคาวาซากิได้เข้ามาเปิดสาขาในซาวาระ เนื่องจากธุรกิจในการจัดจำหน่ายเติบโตขึ้นภายในประเทศ สาขาของธนาคารคาวาซากิในซาวาระจึงกลายมาเป็นสำนักงานหลักอย่างเป็นทางการในอีก 8 ปีต่อมา และได้กลายมาเป็นสาขาของธนาคารมิตซูบิชิที่ซาวาระในปี 1943 ซึ่งธนาคารมิตซูบิชิได้บริจาคอาคารนี้ให้แก่เมืองคาโทริในปี 1989

อาคารซาวาระมิตซูบิชิที่ตั้งอยู่ทุกวันนี้ เป็นสไตล์ตะวันตกสองชั้นก่อด้วยอิฐ ถูกสร้างขึ้นในปี 1914 ภายในมีห้องโถงอยู่และทางเดินยาวบนชั้นสอง ในปี 1991, ทางจังหวัดชิบะได้กำหนดให้สถานที่นี้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีรูปร่าง อาคารซาวาระมิตซูบิชินั้นสามารถเดินจากสถานี JR ซาวาระไปได้โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที

ในซาวาระ, ร้านค้าของเอกชนมากมายและบ้านคนที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ (1603-1867) ได้เก็บรักษาตุ๊กตาฮินะแบบดั้งเดิม และข้าวของเครื่องใช้หลากหลายส่งต่อไปยังรุ่นต่อรุ่นหลายชั่วรุ่นอายุคน ในปี 1988, บ้านของพ่อค้าในซาวาระเริ่มจัดนิทรรศการตุ๊กตาฮินะและข้าวของเครื่องใช้ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หออนุสรณ์อิโน ทะดะทะกะ ก็เริ่มจัดแสดงตุ๊กตาฮินะของตระกูลอิโนด้วยเช่นกัน ตั้งแต่นั้นมาร้านค้ามากมายก็ได้ทำตามแบบอย่างดังกล่าว และในปี 2004, ร้านค้าเอกชนและบ้านของผู้คนจำนวนถึง 28 หลังคาเรือนได้จัดแสดงรายการสิ่งของทางประวัติศาสตร์ และในปัจจุบันนี้มีการจัดนิทรรศการดังกล่าวทั้งหมดถึง 45 แห่งทั่วเมืองซาวาระ ซึ่งเป็นที่รู้จักโดยรวมในนามของพิพิธภัณฑ์ซาวาระมะจิกุรุมิ (ย่านเมืองเก่าซาวาระทั้งเมืองได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์)



COPYRIGHT SUIGO-SAWARA TOURIST ASSOCIATION ALL RIGHTS RESERVED.

HOME